Addisol ep3 ปริศนาปัญหามรณะ - Addisol ep3 ปริศนาปัญหามรณะ นิยาย Addisol ep3 ปริศนาปัญหามรณะ : Dek-D.com - Writer

    Addisol ep3 ปริศนาปัญหามรณะ

    ต่อจากตอนที่แล้วหากไม่ได้อ่านตอนที่แล้วควรกลับไปอ่านก่อนนะครับ (เรื่องราวไม่สนุก ไม่ว่างอย่าอ่าน เตือนแล้วนะครับ)

    ผู้เข้าชมรวม

    38

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    38

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.พ. 58 / 17:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องราวของเด็กม.ปลายคนหนึ่งที่เขาไปอยู่ในโลก addisol เขาจะรอดจากโลกนี้หรือไม่ ก็อ่านดูละกัน
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      คุณ sol สงสัยเหมือนผมไหมครับ” ผมถาม sol “สงสัยอะไรคะ” sol ตอบ “ผมคิดว่ามันแปลกๆนะ ที่ประตูนั้นล็อก เปิดไม่ได้ ขนาดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึงกับต้องพังประตูเข้าไปเลย และบ้านหลังนี้มันก็ปิดตาย หน้าต่างทุกบานถูกผนึกไว้หมด คนที่คิดจะฆ่าตัวตายน่าจะเขียนคำสั่งเสียสิ ไม่ใช่มานั่งวาดระบายสีไว้เป็นทางแบบนี้ เพดานบ้านหลังนี้ก็ถูกสั่งทำเป็นพิเศษคงเป็นเพดานแบบชนิดดูดความชื้น คนอย่างผู้ตายน่าจะเป็นคนที่มีความรอบคอบสูง เพราะการที่เอาโซเดียมก้อนยักษ์มาตกแต่งบ้านนั้นแสดงว่าเขามั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมให้มันไม่เกิดปัญหาได้ ถ้าเขาไม่คิดฆ่าตัวตาย เขาคงไม่น่าเผลอเผาบ้านตัวเองหรอก” “ก็จริงอย่างที่คุณพูด” “แต่ว่าทุกอย่างยังกับทำให้ดูเหมือนว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย ต้นเพลิงเองก็มาจากเพดานด้วย หรือว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆก็ได้ โอย ตอนนี้ผมเริ่มชักจะสับสนแล้วสิ” ในขณะที่ผมกำลังคิดว่า นี่อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆก็ได้ ทันใดนั้นข้อความแปลกๆได้แทรกเข้ามาในหัวผม ความว่า “ใบหญ้าที่ยังเขียวสดไม่อาจเสกสรรเปลวไฟอันเร่าร้อนได้ แต่ใบหญ้าอ่อนที่เติบโตจนแก่เฒ่าและเหี่ยวแห้งไป มันกลับสามารถติดไฟและเผาทำลายทุกอย่างจนกลายเป็นเถ้าธุลีที่ล่องลอยไปดั่งนกโบยบิน” เมื่อผมอ่านข้อความในหัวจบ ผมก็สงสัยที่ อยู่ๆ ไอกับซอล ก็มองผมเหมือนกับผมเป็นตัวประหลาดซะอย่างงั้น ผมถามไปด้วยความสงสัย เออะ...มิทราบว่าพวกคุณเป็นอะไรหรอครับ พวกเขาตอบกลับมาว่า “เปล่า แค่อยากจะบอกว่านั่นคือข้อความของ addisol มันจะปรากฏเมื่อคดีนั้นถูกปิดไม่ได้” ผมยิ่งฟังยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ข้อความที่ไหนไม่รู้มาโผล่ขึ้นในหัวผม แล้วทำไมคนอื่นหยั่งรู้ถึงความคิดของผมได้ล่ะ สงสัยผมคงเผลอพูดออกไปมั้ง แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมควรคิดสิ่งที่ซ่อนอยู่ในปริศนาของข้อความก่อน เอ๊ะ! แปลว่าคดีเป็นคดีฆาตกรรมน่ะสิ(ผมแอบดีใจเล็กน้อย อย่างน้อยตอนแรกเราก็มาถูกทาง) ผมพูดออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “อย่าพึ่งนะเป็นเถ้าธุลีล่องลอยไปในอากาศ เอ...เหมือนกับเคยเจอที่ไหนนะ เออใช่ มันมีวิธีนี้อยู่ แต่ว่าใครเป็นคนทำล่ะ” ไอนี่ท่าทางจะบ้าแฮะ อยู่ๆก็เพ้อเจ้อขึ้นมาซะอย่างงั้นไอพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นผมก็ขอให้ไอนำทางผมไปที่บาร์แห่งนั้นอีกครั้ง ซอลก็ตามมาด้วย เมื่อถึงที่นั่นทุกคนนั่งดื่มเหล้าอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่พึ่งมีคนตายแท้ๆ ตอนนี้ผมก็อยากรู้ตัวคนร้ายไวๆ ผมจึงหันไปถามไอ “ไอครับ คุณอยู่ที่นี่มานาน คุณพอจะทราบไหมครับว่ามีอะไรที่สามารถทำให้ผู้คนหันมาสนใจผมได้บ้าง ไอตอบกลับ “อ้อมีสิ คำถามไง พอถามไปทุกคนจะหันมาสนใจเองแหละ” ผมหันกลับไปหาผู้คนในบาร์แล้วตะโกนไปว่า “ผมมีปัญหาอยากจะถามครับ ทุกคนโปรดฟัง แต่ทว่าผู้คนก็ยังคงกินเหล้าต่อไป ผมลองพูดไปว่า หากใครตอบได้ไม่เหมือนคนอื่น ผมจะเลี้ยงเหล้าให้” ทุกคนหันมาจริงๆตามที่ไอบอกไว้เป๊ะ แหม่ ปัญหานี่ทุกคนสนใจมว๊ากมาก พอทุกคนหันมาสนใจผม ผมจึงถามต่อ “ถ้าเผากระดาษจนกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” ทุกคนงงกลับถามเพราะว่าคำถามแบบนี้ใครๆก็ตอบได้แล้วจะตอบยังไงให้ต่าง หลายคนตอบว่าลมพัดจนปลิว หลายคนตอบว่ากองอยู่กลับพื้น แต่มีคนหนึ่งที่ตะโกนออกมาอย่างดังว่า “บิน และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า” ทุกคนในบาร์นิ่งไปสักพักแล้วก็หัวเราะพร้อมหยอกกลับว่า “คิดว่าขี้เถ้าเป็นพลุรึไง จุดไฟแล้วลอยได้ช่างน่าขำยิ่งนัก555” เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วทั้งบาร์ แต่ว่าผมไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้นเลย ผมเดินไปหาผู้ชายที่ตอบว่าลอยคนนั้นทันที ตอนนี้ผมรู้ตัวคนร้ายแล้ว และด้วยความที่ผมไม่ชอบผู้ที่กระทำผิดต่อศีลธรรม(แค่ไม่ชอบนะ ไม่ได้มีจิตใจงดงามเหมือนพระเอกในละครหรอก) ผมก็ถามด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อยว่า “คุณฆ่าเขาทำไม” ผู้ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อยแล้วและแสดงท่าทีทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ” “เมื่อคืนคุณอยู่ที่ไหน” “ผมก็อยู่ที่บาร์น่ะสิ ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ออกจากบาร์เลย” ผมมองหน้าเขาแล้วก็เหลือบไปเห็นที่นิ้วมือ มีรอยสีขาวเป็นแนวยาวรอบนิ้ว กว้างเล็กน้อย ผมเดาว่าเขาพึ่งเจ็บช้ำเพราะรักมาแน่เลยถอดแหวนทิ้งไป ผมจึงพยายามยั่วให้เขาโกรธ เผื่อเขาจะหลุดปากอะไรมาบ้าง ผมจึงพูดว่า “เมียคุณคงนอกใจคุณสินะ หลังจากที่เธอได้คบกับคุณ เธอก็ค่อยๆนำทรัพย์สินของคุณไปขายเป็นเงิน ทีละน้อยๆ แล้วก็นำเงินไปให้แฟนใหม่ของเธอ ไม่สิแฟนเก่าต่างหาก เธอคงไม่ได้รัก...” “หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย อยากกลายเป็นขี้เถ้าไร้ที่หนีเหมือนไอ้แก่ลามกนั่นรึไง” ระหว่างที่เขาแทรกผมด้วยเสียงที่ออกจะโกรธและโมโหร้าย อยู่ๆก็ไอพุ่งกระโจนเข้าไปจับผู้ชายคนนั้นทันที สักพักตำรวจก็มารับตัวผู้ชายคนนั้นไป ผมงงไปสักพักว่าทำไมอยู่ๆไอถึงไปจับผู้ชายคนนั้นโดยไม่รอดูหลักฐานอะไรเลย เพียงแค่มีเหตุจูงใจกับคำพูดของคนร้ายนิดๆหน่อยๆ เขาก็ด่วนตัดสินว่าคนๆนั้นคือคนร้าย ผมหันไปหาซอล หน้าอันมึนงงของผมนั้นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าผมกำลังจะถามอะไร ราวกับว่ามันเกิดเหตุการณ์อันชวนสงสัยแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งและทุกครั้งเธอคงจะตอบเหมือนๆเดิม เธอตอบกลับก่อนที่ผมจะเริ่มอ้าปากถามซะอีก “จริงสิคุณพึ่งมาใหม่สินะ คงจะไม่รู้เรื่องของโลกเรามากนัก โลกที่นี่จะแบ่งออกเป็นสามส่วนโดยมีส่วนตรงกลางที่เรียกว่าส่วนสมดุล ส่วนนี้ทุกคนจะสามารถอยู่ได้ไม่มีการแบ่งฝ่ายใดๆทั้งสิ้น ส่วนพื้นที่ที่ยื่นออกมาจากตรงกลางจะมีด้วยกันสามส่วน ส่วนแรกนั้นเป็นส่วนที่เรียกว่าแคล พื้นที่บริเวณนี้จะปรากฏคำถามต่างๆและปัญหาที่เกี่ยวกับการคำนวณทั้งสิ้น ส่วนสองคือรีส ส่วนนี้เป็นส่วนการใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ส่วนที่เรายืนอยู่นี้เป็นส่วนที่สามที่เรียกว่าอิล ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใช้ความไร้เหตุผลในการแก้ปัญหา ซึ่งก็ค่อนข้างแปลกกว่าทุกที่ แต่ว่าคงไม่แปลกหรอกเพราะบางทีคนเราก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยเหตุผลเสียไปซะทุกเรื่อง ทุกคนที่อยู่ในแต่ละบริเวณนั้นมักจะมีด้านทักษะในการแก้ปัญหาที่เหมือนกัน และเมื่อเข้ามาอยู่ใน addisol แล้ว ทุกคนต้องรีบไปบริเวณที่ทักษะในการแก้ปัญหาของตัวเองสัมพันธ์ในพื้นที่นั้นๆ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดภัยต่างๆตามมาได้ หากไม่รู้ว่าตัวเองมีทักษะด้านไหนจะต้องรีบไปตรวจสอบที่บริเวณใจกลางของพื้นที่นั้นๆ แต่ก็จะมีข้อยกเว้นอยู่บางประการที่ว่าคนที่มีทักษะด้านสายสมดุลจะสามารถอยู่ได้ทุกที่ หวังว่าคุณจะอยู่ในสายสมดุลนะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมมีทักษะแบบไหน กะว่าเสร็จจากคดีนี้ก็คงไปตรวจทันทีแหละ เอ่อ..คุณพอช่วยพาผมไปที่ใจกลางหมู่บ้านหน่อยได้ไหม” “ได้สิ” หลังจากตำรวจมา เหตุการณ์อันชุลมุนก็เริ่มคลี่คลายลงไป ระหว่างที่ผมกำลังเดินออกจากบาร์ เสียงสนทนาของชายวัยกลางคนสองคนได้แว่วเข้ามาในหูของผม เป็นเสียงของไอพูดกับตำรวจคนหนึ่งว่า “หนุ่มคนนั้นเป็นสายของรีสรึเปล่า” “คงไม่มั้งเขาพึ่งมาใหม่น่ะ” “แล้วไป…” ประตูที่หน้าร้านได้ตัดเสียงสนทนาของสองคนนั้นไป ระหว่างทางไปยังใจกลางหมู่บ้าน ซอลทำท่าทางเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง ผมจึงลองพูดเล่นๆขึ้นว่า “อยากรู้หรอ ว่าเขาเผาคนในห้องปิดตายได้ยังไง” เธอพยักหน้าเล็กน้อย ผมจึงพูดต่อ “ที่จริงแล้วคนร้ายไม่ได้เป็นคนจุดไฟหรอก แต่เขาเป็นคนจัดเตรียมฉากน่ะ เขาน่าจะเกลี้ยกล่อมผู้ตายว่าแฟนของคนร้ายอยากให้ผู้ตายไปหาที่บ้านของผู้ตายและด้วยผู้ตายเองรักผู้หญิงคนนั้นมากประกอบกับอาการเมา ผู้ตายก็เชื่อคนร้ายโดยไม่ทันเอะใจว่านี่เป็นคำพูดสามีของผู้หญิงคนนั้น ถ้าคุณมีแฟน คุณอยากให้แฟนเก่าของแฟนคุณพบแฟนของคุณไหมล่ะ ก็น่าจะไม่ ใช่ป่ะ หลังจากที่ผู้ตายคุยกับคนร้ายเสร็จ ผู้ตายก็เดินไปที่บ้านของเขาทันที เขาปิดล็อกประตูเองเพราะกลัวคนเข้ามาในบ้าน แล้วก็เดินตามรอยสารเรืองแสงที่ถูกทาไว้ไปจนกะทั่งถึงโต๊ะ จากนั้นเขาคงได้อ่านข้อความที่เขียนด้วยสารเรืองแสงเช่นกัน ข้อความน่าจะบังคับให้ผู้ตายต้องทำการจุดไฟแช็กและนำไปเผาที่ซองถุงชาที่ตั้งไว้บนโต๊ะ ด้วยอาการเมาจากสุราหลังจากที่จุดเสร็จมือของเขาคงโดนไฟที่จุดเอง เลยกระตุกมือหนี ไฟแช็กจึงกระเด็นไป จากนั้นไฟก็ไปติดเพดานแล้วก็กลายเป็นเพลิงไหม้ เมื่อไฟเริ่มลามอย่างรวดเร็ว เขาพยายามจะหนีไปที่หน้าประตู กลอนที่ทำด้วยโลหะนั้นกลับร้อนขึ้นเพราะโลหะนั้นนำความร้อนเป็นอย่างดี เขาจึงไม่สามารถบิดกลอนหนีออกมาได้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น่าจะทำให้เขาสลบไปก่อนจะไปหาทางออกทางอื่น ไม่นานร่างของเขาก็โดนเผาทั้งเป็น” “แล้วทำไมอยู่ๆไฟถึงไปติดเพดานได้ล่ะ หากสะบัดไฟแช็คไป ไฟที่ถูกจุดน่าจะดับก่อนถึงเพดานนะ” “อ๋อเรื่องนั้น ที่จริงแล้วไฟแช็คไม่ได้เป็นตัวก่อเหตุหรอกครับ แต้เป็นถุงชาต่างหาก นี่เป็นทริคง่ายครับ ผมมันเรียกว่า flying tea bag เมื่อไฟเผาส่วนบนของถึงชาจากด้านบนลงมาด้านล่างเรื่อยๆ ณ จุดๆที่ขนาดของถุงชาจะเล็กพอที่จะสามารถลอยได้ไปพร้อมกับเปลวไฟเพราะว่าอากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสูงและจะยกถึงชาให้ลอยขึ้นไปด้วย ไฟยังคงเผาถุงชาไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปสัมผัสกับเพดานน่ะครับ ส่วนเรื่องเพดานผมคิดว่าคนร้ายคงจะแอบสับเปลี่ยนให้เป็นเพดานที่ไวไฟในระหว่างจัดเตรียมน่ะครับ” “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” หลังจากที่ผมได้สาธยายวิธีการฆาตกรรม พวกเราก็เดินเพลินๆและคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงใจกลางหมู่บ้าน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×